น้ำส้มควันไม้ สารเหลวขั้นเทพ

ปัจจุบันน้ำส้มควันไม้ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการใช้ในการเกษตร เพราะช่วยลดการใช้สารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงไปได้ ซึ่งคุณสมบัติที่ดีของน้ำส้มควันไม้นั้น ควรมีลักษณะ ใสไม่ขุ่น มีสีเหลือง จนถึงสีน้ำตาล หรือแดงอมน้ำตาล หากมีลักษณะขุ่น มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่ แสดงว่าคุณภาพต่ำ ควรพักให้ตกตะกอนก่อนนำมาใช้ ประมาณ 2-3เดือน

 

ประโยชน์ของน้ำส้มควันไม้ ในทางการเกษตร

น้ำส้มควันไม้ที่ความเข้มข้นสูง มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อที่รุนแรง เนื่องจากมีความเป็นกรดสูง และมีสารประกอบ เช่น เมรานอล และฟีนอล ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อได้เมื่อเจือจางถึง 200 เท่า  โดยจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (ANTIBACTERIAL MICROBE) จะเพิ่มปริมาณขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารจากกรดน้ำส้ม (ACITIC ACID) น้ำส้มควันไม้จึงสามารถนำมาใช้ในทางการเกษตรได้ดี เช่น

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1: 20
    ใช้พ่นลงดิน เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแมลงในดิน เช่น โรคเน่าและจากแบคทีเรียโรคโคนเน่าจากเชื้อราไส้เดือนฝอย ฯลฯ
ประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ที่ความเข้มข้นนี้เทียบเท่าการอบฆ่าเชื้อด้วยการรมควัน (FUMIGATION) และควรทำก่อนการเพาะปลูก 10 วัน
เพราะน้ำส้มควันไม้ ที่รดลงดินจะไปทำปฏิกิริยากับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เกิดคาร์บอนโมโนออกไซด์ (CO) ซึ่งเป็นพิษต่อพืช
แต่เมื่อก๊าซคาร์บอนโมโนออกไซด์เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนเปลี่ยนเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แล้วจะสามารถปลูกพืชได้ รวมทั้งพืชจะได้รับประโยชน์จาก CO2 ด้วย

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1: 50
   พ่นลงดิน เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เข้าทำลายพืช แต่ไม่ควรใช้ความเข้มข้นมากกว่านี้ เพราะรากพืชอาจได้รับอันตรายได้

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1: 200 ความเข้มข้นระดับนี้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
  ใช้ฉีดพ่นที่ใบพืช รวมทั้งพื้นดินรอบต้นพืชทุก ๆ 7-15 วัน เพื่อขับไล่แมลง
  ป้องกันและกำจัดเชื้อรา,กระตุ้นความต้านทานและการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากความเข้มระดับนี้สามารถทำลายใข่แมลงและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อพืช เช่น บาซิลไล (BACILLI) ที่ไม่มีสปอร์ (SPORE) รวมทั้งเชื้อไซโฟมัยซีส (SYPHOMYCETE) ซึ่งอ่อนแอในสภาวะที่เป็นกรดจะถูกทำลายลงก่อน  หลังจากนั้นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น แอคติโนมัยซิส (ACTINOMYCES) และไตรคอเดอมา (TRICHODEMA) จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว   แต่ในพื้นที่ ใช้สารเคมีอย่างหนักและยาวนาน อาจจะไม่เหลือเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อยู่เลยต้องใช้ปุ๋ยหมักเสริม และหากได้ใส่ถ่านลงไปด้วยก็จะมีประสิทธิภาพดีขึ้น
   ในขณะเดียวกันสารประกอบอะซีทิล โคเอนไซม์ (ACYTYL COENZYME) ซึ่งสร้างขึ้นโดยพืชและจุลินทรีย์ที่ได้รับสารอาหารจากกรดน้ำส้ม ก็จะเปลี่ยนเป็นสารประกอบต่าง ๆ มากมาย กระตุ้นให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
  เมื่อใบพืชถูกกระตุ้นด้วยกรดอินทรีย์อ่อน ๆ ชั่วคราว จะกระตุ้นความด้านทานต่อโรค รวมทั้งทำให้ใบหนา แข็ง และเขียวเป็นมัน
  เพิ่มปริมาณคลอโลฟิลด์ทำให้ปรุงอาหารได้ดีขึ้น พืชจะแข็งแรงและเติบโตเร็ว รวมทั้งแก้ปัญหาการสังเคราะห์แสงที่ไม่ดีพอ เนื่องจากขาดแสงในบางฤดู
***** แต่ห้ามใช้อัตราส่วนเข้มข้นกว่านี้ฉีดพ่นใบพืช จะทำให้ใบพืชไหม้เนื่องจากความเป็นกรดสูงมากเกินไป *****

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1 : 150 ถึง 200
  ช่วยทั้งป้องกัน กำจัดโรคและแมลง กระตุ้นความต้านทาน และกระตุ้นความเจริญเติบโตของพืชอีกด้วย
  สามารถนำไปฉีดพ่นที่กองปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ช่วยย่อยให้เป็นปุ๋ยหมักได้เร็วขึ้น โดยน้ำส้มควันไม้จะเป็นแหล่งอาหารให้จุลินทรีย์เหล่านั้นขยายพันธุ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1: 500
  ฉีดพ่นผลอ่อนของพืชเพื่อช่วยขยายให้ผลโตขึ้น หลังจากติดผลแล้ว 15 วันและฉีดพ่นอีกครั้งก่อนเก็บเกี่ยว 0 วัน เพื่อเพิ่มน้ำตาลในผลไม้ได้อีกด้วย  เนื่องจากน้ำส้มควันไม้ช่วยการสังเคราะห์น้ำตาลและกรดอะมิโน ดังนั้นจึงเพิ่มทั้งผลผลิตและคุณภาพ

- ใช้น้ำส้มควันไม้ ผสมน้ำ อัตราส่วน 1: 1,000
  เป็นสารจับใบช่วยในการลดปริมาณการใช้สารเคมี เนื่องจากสารเคมีสามารถออกฤทธิ์ได้ดีในสารละลายที่เป็นกรดอ่อน ๆ และสามารถลดการใช้สารเคมีได้มากกว่าครึ่งจากปกติที่เคยใช้

- ใช้น้ำส้มควันไม้ 100 %
  ในการทำปุ๋ยคุณภาพสูง โดยใช้น้ำส้มควันไม้เข้มข้น 100 % หมักกับหอยเชอรรี่บด เศษปลา เศษเนื้อ หรือกากถั่วเหลือง โดยใช้โปรตีนต่าง ๆ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำส้มควันไม้ 2 ลิตร  หมักนาน 1 เดือน แล้วกรองกากออก เวลาใช้ให้ผสมน้ำ 200 เท่า
 ใช้หมักกับสมุนไพร เช่น เมล็ดและใบสะเดา หางไหลแดง ข่าแก่ ตะไคร้หอม ฯลฯ เพื่อเพิ่มฤทธิ์ของน้ำส้มควันไม้ในการไล่แมลงและป้องกันโรค และสามารถเก็บสารละลายนี้ไว้ได้นานโดยไม่บูดเน่า